16 ปีที่บริหารโปรซอฟท์ ยังไม่มีโอกาสได้บอกแนวความคิด และแนวทางที่จะนำโปรซอฟท์ไปสู่ทิศทางไหน หรืออาจ ได้บอกไปแล้ว แต่การสื่อสารอาจตกหล่นไป ไม่ถึงพนักงานทุกคนในโปรซอฟท์ วันนี้จึงขอสื่อสารถึงน้องๆ ทุกๆคนใน โปรซอฟท์ให้ทุกคนหายสงสัยในหลายๆประเด็น เพราะมีหลายคำถามที่จำเป็นต้องตอบเพื่อความเข้าใจในทิศทางเดียวกัน
ทำไมโปรซอฟท์จึงใช้เชียงใหม่เป็นฐานในการวิจัยและพัฒนา ?
เพราะเราเห็นว่าที่เชียงใหม่เป็นเมืองใหญ่ มีมหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตในแต่ละปีหลายหมื่นคน มีสถานะเหมือนเมืองหลวงของภาคเหนือ เมื่อเรามาเปิดสำนักงานที่นี่ ทำให้เราได้คนเก่งๆ ดีๆ และเป็นคนที่ใช่ ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งแตกต่างกับ ที่กรุงเทพ เราหาคนกลุ่มนี้ได้ยากมาก เพราะคนภาคเหนือเมื่อจบแล้วมีคนเก่งจำนวนมากอยากทำงานที่เชียงใหม่ ไม่อยากเดินทางเข้าไปทำงานที่กรุงเทพ นั่นคือโอกาสของโปรซอฟท์ เพราะหลายปีที่ผ่านมาเราไม่สามารถขยายงานทางด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาได้มากนักเพราะเราขาดคนที่มีความสามารถทำให้เราขาดความสามารถในการแข่งขัน
สำนักงานที่กรุงเทพจะปิดไหม?
โปรซอฟท์กรุงเทพคือหัวใจในการบริหารและการบริการ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะรายได้ทั้งหมดมาจากกรุงเทพ พี่เคยให้นโยบายไปว่า ไม่มีนโยบายเลิกจ้างพนักงานเพราะโปรซอฟท์ยังไม่เคยปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว เราเห็นคุณค่าพนักงานตลอดเวลา เราอยากเห็นทุกคนเดินหน้าสร้างความสำเร็จร่วมกัน
ระหว่างทำงานที่กรุงเทพกับที่เชียงใหม่อนาคตการทำงานที่ไหนดีกว่ากัน ?
อยากให้น้องๆแต่ละคนนึกถึงซิลิกอน วัลเลย์ที่อเมริกากับบังกาลอร์ที่อินเดีย บริษัทไอทีระดับโลกไม่ว่าจะเป็นไมโครซอฟท์ Google Facebook และอีกมากมายมีการทำงานสองที่ระหว่างอเมริกาและอินเดีย เพราะที่อินเดียหาพนักงานได้ง่ายกว่า ต้นทุนถูกว่า จึงทำให้เกิดการจ้างงานที่อินเดียอย่างมากมาย แต่สำหรับโปรซอฟท์เราให้ความสำคัญทั้งกับกรุงเทพกับเชียงใหม่ เราบริหารกิจการด้วยความยุติธรรม เราเข้าใจว่าที่กรุงเทพมีค่าครองชีพที่สูงกว่าเชียงใหม่ ผู้บริหารก็ตอบแทนบนหลักและเหตุผลของความยุติธรรมมาตั้งแต่เริ่มต้นอยู่แล้ว เพราะฉนั้นไม่ว่าพวกเราจะทำงานที่กรุงเทพหรือเชียงใหม่ ทุกคนจะมีอนาคตที่ดีแน่นอน ทั้งนี้่ขึ้นอยู่กับความสามารถของแต่ละคน เพราะเราได้นำโมเดลการบริหารธุรกิจ แบบใหม่มาใช้ในรูปแบบ "ธนาคารซอฟท์แวร์ ร่วมแรงและแบ่งปัน"
อยากทราบความมั่นคงกับการทำงานที่โปรซอฟท์?
ความมั่นคงในการทำงานไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์กร แต่ขึ้นอยู่กับพนักงานโปรซอฟท์ทุกคน ทุกคนเป็นคนกำหนดอนาคต ของโปรซอฟท์อย่างแท้จริง ด้วยโมเดล "ธนาคารซอฟท์แวร์ ร่วมแรงและแบ่งปัน" จะทำให้พนักงานได้รับส่วนแบ่งตามผลกำไรจากการดำเนินงาน ตามความสามารถของแต่ละคน ผมเชื่อว่าผู้บริหารโปรซอฟท์ทุกคนพร้อมจะตอบแทนพนักงานให้มีความเป็นอยู่ที่ดีมีอนาคตที่มั่นคงอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของพนักงานโปรซอฟท์ทุกคนว่าเราสู้กับคู่แข่งได้หรือไม่ เราหารายได้มากพอหรือไม่ เราเก่งพอหรือยัง ลูกค้าเต็มใจจ่ายให้เรามากน้อยเพียงใด ถ้าเราหารายได้เยอะ ผมพร้อมที่จะผลักดันผลตอบแทนให้กับพนักงานทุกคนอย่างเต็มที่
ใครได้ผลตอบแทนดีที่สุดในโปรซอฟท์? หลายคนสงสัยว่ามีการตอบแทนผู้บริหารอย่างไร วันนี้มีคำตอบนะครับ ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทีมบริหารโปรซอฟท์ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคุณอัมภิณี คุณโกศล คุณอัจฉรา คุณอัญชุลี คุณสรายุทธ์ คุณนภดลและอีกหลายๆคน ว่าทุกคนเป็นคน เสียสละเป็นอย่างมาก คุณโกศลเป็นคนทราบเรื่องนี้เป็นอย่างดี เพราะแต่ละปีผมและคุณโกศล ได้ขึ้นเงินเดือนเท่าๆกัน มาเป็นเวลาหลายปี ซึ่งเงินเดือนที่ขึ้นยังน้อยกว่าพนักงานบางคนครับ ผมได้บอกให้คุณอัญชุลีว่าให้อดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะเราหวังไว้ว่าสักวันหนึ่งน้องๆจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่จะหาเลี้ยงเราตอนอายุมากขึ้น น้องๆรุ่นหลัง จะเป็นคนสร้างองค์กร ให้ยิ่งใหญ่และยั่งยืนได้
สำหรับส่วนแบ่งผลกำไรที่ให้กับผู้ถือหุ้นในแต่ละปีน้อยมาก แต่ละปีที่ผู้ถือหุ้นได้รับส่วนแบ่งผลกำไรเป็นเงินไม่ถึงหนึ่ง ในห้าของโบนัสที่โปรซอฟท์ให้กับพนักงาน
ทำไมต้องสร้างสำนักงานที่เชียงใหม่? เหตุผลข้อที่หนึ่ง ที่เชียงใหม่สำนักงานให้เช่าหายากมาก ราคาเช่าแพงตกตาราเมตรละ 400-550 บาท ที่กรุงเทพตารางเมตรละ 280 บาท ซื้อที่ดินแล้วสร้างถูกกว่ามาก ทำให้เราสะสมทุนเพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงอีกทาง เมื่อเกิดวิกฤติสามารถนำมาแปลงเป็นเงินสดได้เหตุผลข้อที่สอง เมื่อเรามีสำนักงานที่ดี ก็จะทำให้เราสามารถดึงดูดคนเก่ง คนดีและคนที่ใช่มาทำงานร่วมกับเราได้ไม่ยาก เพราะที่เชียงใหม่จะเป็นสถานที่ที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนเดินทางมาดูงานอย่างมากมาย โปรซอฟท์ก็สามารถสร้าง Brand โดยไม่ต้องลงทุนโฆษณาเหตุผลที่สาม สำนักงานแห่งใหม่ที่เชียงใหม่และวิมานน้ำรีสอร์ทจะเป็นฐานทุนให้โปรซอฟท์ไว้ขยายธุรกิจเมื่อจำเป็น องค์กรของเราจำเป็นที่จะต้องมีทรัพย์สินบ้าง ถ้าเราไม่มีทรัพย์สิน อะไรเลยเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจทุกคนก็จะลำบาก เราจำเป็นต้องวางแผนเรื่องนี้อย่างรอบคอบ คนที่อยู่ร่วมเป็นร่วมตาย กับโปรซอฟท์จะได้มีเงินทุนบริหารกิจการให้เติบโตและยั่งยืนสืบไป
Double Growth ไม่เกิน 3 ปี ปัจจุบันพนักงานทุกคนในโปรซอฟท์ต่างมุ่งมั่น ทุ่มเท แรงกาย แรงใจในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาให้ลูกค้าอย่างเต็มที่ ผมเห็นภาพความสำเร็จที่กำลังจะเกิดขึ้นกับทีมโปรซอฟท์อย่างแน่นอน ด้วยประสบการณ์ในการทำงานกว่าค่อนชีวิต ทำให้ทราบว่าเรากำลังประสบความสำเร็จ ทีมกรุงเทพสร้างรายได้ต่อเดือนสูงที่สุดในรอบ 16 ปีที่ผ่านมาประมาณ 8 ล้านกว่าบาท ส่วนทีมเชียงใหม่ทำ Web Application ที่กำลังจะเสร็จอยู่หลายตัว คาดว่าไม่เกิน 3 ปีนี้เราต้องมีรายได้มากกว่า 100 บาทแน่นอนพี่ๆทุกคนทราบว่าน้องๆแต่ละคนเหน็ดเหนื่อยต่อการทำงานอย่างมาก ก็คงไม่ต่างกับพี่หรอกนะครับเพราะทุกวันนี้ พี่ ทำงานอย่างหนัก ไม่มีวันหยุด วันละไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมงต่อวันอยู่แล้ว สิ่งที่พี่อยากเห็นมากที่สุดคือเห็นพนักงานโปรซอฟท์ทุกคนมีความมั่นคงกับอาชีพในการทำงาน ขอให้ทุกคนอย่ายอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรค ขอให้พนักงานทุกคนร่วมกันสู้ สู้และสู้ร่วมกันจนกว่าจะได้รับชัยชนะ สักวันความสำเร็จจะเป็นของเราทุกคน