เพราะโปรซอฟท์เติบโตจากที่สังคมเป็นให้คนโอกาส เรามีที่ยืนบนโลกใบนี้ก็เพราะลูกค้าให้โอกาสกับเรามาเป็นเวลาหลายปี ถึงเวลาที่โปรซอฟท์จะต้องตอบแทนสังคมต่อไป เพราะเราเชื่อว่ามิใช่เฉพาะการได้รับเท่านั้นที่ทำให้บุคคลมีความสุขเพิ่ม ขึ้น แต่การที่ได้เป็นผู้ให้ก็ทำให้คนเรามีความสุขไม่ได้น้อยกว่าการเป็นผู้ที่ ได้รับ
ถึงเวลานี้เราขอประกาศว่า เครือโปรซอฟท์ จะเป็น Social Enterprise (SE) อย่างเต็มรูปแบบมากขึ้่นในทุกๆวัน โดยเรามีวัตถุประสงค์ 3 อย่างควบคู่กันไปดังต่อไปนี้
1. สร้างกำไร
2. มุ่งสร้างสรรค์สังคม
3. รักษาสิ่งแวดล้อม
ประเด็นแรก การสร้างผลกำไร โปรซอฟท์ไม่ได้มุ่งผลกำไรอย่างสูงสุด เพียงแต่ว่าเรามุ่งกำไรเพื่อนำมาใช้เพื่อประโยชน์ต่อสังคม เพราะเรามีภารกิจที่จะต้องตอบแทนเพื่อสังคมอีกเยอะมากเช่น เราได้ทำโครงการ SoftBank Academy ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินมากพอสมควร คนที่ผ่านการเรียนรู้ที่สถาบันแห่งนี้จะมีความรู้ความสามารถเพิ่มขึ้นอย่างมากและสามารถก้าวไปทำงานที่ไหนก็ได้ในโลกใบนี้ ส่วนกำไรที่ได้เราไม่ได้เน้นไปที่ตอบแทนผู้ถือหุ้น เพราะผู้ถือหุ้นของโปรซอฟท์ทุกคนต้องการผลักดันโปรซอฟท์เข้าเป็น Social Enterprise อย่างเต็มรูปแบบ เพราะแม้บริษัทจะร่ำรวยเพียงใดก็คงจะไม่มีความสุขมากไปกว่าการให้ โดยเฉพาะการให้ความรู้ การให้โอกาสต่อคน ต่อสังคม
ประเด็นที่สอง มุ่งสร้างสรรค์สังคม เราต้องการสร้างงานเพื่อชุมชน ตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาที่ผมได้ใช้ชีวิตอยู่กรุงเทพ ทำให้ผมคิดได้ว่าตัวเราเองก็เป็นคนต่างจังหวัด พนักงานเราเกือบทุกคนก็เป็นคนต่างจังหวัด ทำไมเราต้องมาเปิดสำนักงานเฉพาะที่กรุงเทพ วันๆเราหาคุณภาพชีวิตที่ดีได้ยากมาก อากาศร้อนอบอ้าว มลพิษมากมาย ที่อยู่อาศัยหนาแน่น การจราจรติดขัด ไม่มีความสะดวกสบายเลย ในเมื่อเราเลือกได้ว่าเราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้และที่สำคัญเราสามารถสร้างงานได้เป็นจำนวนมากให้กับคนต่างจังหวัด ให้โอกาสกับคนที่ด้อยโอกาส นั่้นคือเหตุผลที่ผมนำโปรซอฟท์มาเปิดเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนาที่เชียงใหม่ ในอนาคตก็จะเกิดการจ้างงานทางด้านไอทีเป็นพัน เป็นหมื่นในไม่ช้า เพราะปัจจุบันก็เกิดการจ้างงานที่เชียงใหม่แล้วไม่ต่ำกว่า 200 คนทั้งพนักงานประจำและพนักงาน ITO (Outsourcing)
นอกจากการจ้างงานแล้วเรายังได้ดำเนินการในเรื่อง การให้ความรู้ ฝึกฝนทักษะในการทำงาน การให้การศึกษาแก่คนยากจน การฝึกฝนอาชีพเพื่อคนพิการทางด้านไอที การให้ความรู้ทางด้าน E-Commerce, E-Marketing และ E-Business ต่างๆด้วย
ประเด็นที่สาม รักษาสิ่งแวดล้อม เพราะโปรซอฟท์อยู่ในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เป็นบริษัทไอที เราเป็นอุตสาหกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว เราทำงานทุกอย่างอยู่กับคอมพิวเตอร์ เราสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมน้อยมาก เราใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างจำกัด ทุกคนทำงานแทบไม่ได้ใช้กระดาษเลย ทรัพยากรธรรมชาติที่เราใช้มากก็คงเป็นไฟฟ้าเท่านั้น เราเป็น Green Industry อย่างแท้จริง
สำนักงานของเราที่กรุงเทพและเชียงใหม่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ครอบคลุมพื้นที่ เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นสำคัญ และอีกไม่นานภายในเนื้อที่ 100 ไร่ที่จะเป็นสำนักงานแห่งใหม่ของเรา จะเป็นพื้นที่สีเขียวทั่วทั้งองค์กร เราจะรณรงค์ทุกคนใช้จักรยาน ลดการใช้พลังงานทุกชนิด
การที่เราได้ขยายสำนักงานมาที่เชียงใหม่ เราได้ทำให้คุณภาพชีวิตพนักงานเราดีขึ้นอย่างมาก ทุกคนเดินทางไปกลับระหว่างบ้านกับที่ทำงานประหยัดน้ำมันเพราะรถไม่ติด อยู่ใกล้บ้าน มาทำงานก็อารมณ์ดีมีความสุข ทำให้เราเพิ่ม Productivity ไปในตัว และอีกอย่างหนึ่งตอนกลางคืนก็ไม่ได้ต้องเปิดแอร์เหมือนจังหวัดอื่นๆเพราะตอนกลางคืนที่เชียงใหม่อากาศเย็นสบาย ทำให้ลดการใช้ทรัพยากรอีกทางหนึ่ง ทุกคนทำงานแล้วมีความสุขเพราะได้ทำงานที่ดี ได้ผลตอบแทนดี มีเงินเหลือเก็บ
เราสามารถกล่าวได้ว่าเราเป็น Social Enterprise อย่างเต็มตัวเพราะแม้ว่าเราจะมุ่งแสวงหากำไร แต่กำไรนั้นเป็นไปเพื่อสังคมส่วนรวม ถึงแม้บางทีก็อาจต้องจัดสรรกำไรให้ผู้ถือหุ้นบ้างก็ตามแต่เป็นเงินที่น้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับที่เราตอบแทนสังคมเพราะเราไม่ได้แสวงหากำไรสูงสุดเพื่อผู้ถือหุ้น เพราะเราทุกคนเชื่อว่าครือโปรซอฟท์จะเป็นของทุกๆคนที่อยู่บนโลกใบนี้
บทความโดย : คุณวิโรจน์ เย็นสวัสดิ์ | Facebook